วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

5 ร้านอาหารเกาหลีสไตล์ปิ้งย่างที่ห้ามพลาด !!!


ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเจอแต่ร้านอาหารเกาหลีขึ้นเต็มไปหมดเลยใช่ไหมคะ และสไตล์ร้านอาหารที่ถูกปาก ถูกใจคนไทยเรามากที่สุดก็คือร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง วันนี้เรามีร้านอาหารปิ้งย่าง 5 ร้านที่ห้ามพลาดมาแนะนำค่ะ เย้ >[]<

 1. เตาถ่าน Yakiniku Paradise


ร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ผสมผสานไว้ทั้งอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี ส่วนเมนูอาหารเป็นแบบ A la Carte & Buffet ไว้บริการ ในบรรยากาศเป็นกันเองเหมือนทานอยู่บ้าน โดยมีให้เลือกทั้ง Buffet ชุดเนื้อวัว (รวมเนื้อหมูด้วย) คนละ 429 บาท และบุฟเฟ่ต์ชุดเนื้อหมู เหมาะกับคนไม่ทานเนื้อวัว คนละ 399 บาท ทั้ง 2 ชุด มีซีฟู้ดและวัตถุดิบรายการอื่น ๆ เหมือนกัน ส่วนเครื่องดื่มรีฟีลเปลี่ยนได้ตลอด ราคาคนละ 39 บาท (ร้านไม่มี Service Charge) ส่วนเมนูแนะนำของร้านได้แก่  เนื้อลูกเต๋า, เนื้อสัน, เนื้อลาย, เนื้อติดมัน, เนื้ออก, ยำเนื้อ, หมูสันคอ, หมูติดมัน, กิมจิ, ซุปสาหร่าย, ผักยำน้ำมันงา, ไข่ตุ๋น, ข้าวกระเทียม, เนื้อไก่, ปลาโดริ และปลาหมึกสด เป็นต้น

        ราคา : ราคา 399-429++ บาท
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันเวลา 16.00-24.00 น. (ระยะเวลาทาน Buffet 2 ชั่วโมง)
        ที่อยู่ : เอกมัย 12-14 ในโครงการปาร์คอเวนิวโฮมออฟฟิศ (ตรงข้ามร้านนั่งเล่น) กรุงเทพฯ
        โทรศัพท์ : 0 2714 4534
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก เตาถ่าน Yakiniku Paradise
                      

 2. King Kong Yakiniku Buffet





ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่หลายคนรู้จักกันดี เพราะด้วยการคัดสรรของสด ๆ ให้เสือกสรรมากมาย อาทิ เนื้อสัน, เนื้อติดมัน, เนื้อลาย, เบคอน, สันคอหมู, แซลมอน, กุ้งแม่น้ำ, ปลาหมึก, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, กุ้งแม่น้ำ, ตับวัว, เนื้อแกะติดกระดูก, โตเกียวซอสเสจ และซี่โครงหมูหมักมิโสะ เป็นต้น

        ราคา : สอบถามโดยตรงจากร้านอาหาร
        ที่อยู่ : สามารถดูรายละเอียดที่ตั้งของสาขาต่าง ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก KiNg kOng BuFfet \(+.+)/

3. MEAT UP



ร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่เป็นเหมือนสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ของครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ทางร้านเน้นการคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี ใส่ใจทั้งการเลือกและปรุงอาหาร รับรองความอร่อย ความสด และความคุ้มค่า มีบริการทั้งแบบบุฟเฟ่ต์สำหรับผู้ที่ชอบความคุ้มค่า และแบบ A la Carte Set Menu ส่วนเมนูแนะนำได้แก่ เนื้อวัว, เนื้อหมู, เบคอน, ไก่หมักซอส, แซลมอน, กุ้งขาว, ปลาดอลลี่ และปลาหมึกสด เป็นต้น ส่วนเมนูผักก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งฟักทอง, เห็ดออรินจิ และกระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น

        ราคา : ราคา 480-530 บาท
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันเวลา 11.00-22.00 น.
        ที่อยู่ : สาขาเจริญนคร The Lighthouse condominium ถนนเจริญนคร (ตั้งอยู่ติดซอยเจริญนคร 14) โทรศัพท์ 0 2861 0861, สาขาเดอะคริสตัล โทรศัพท์ 0 2515 0840
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก MEAT UP

4. Mamiya @ Nara 24


 ร้านปิ้งย่างที่เน้นคุณภาพด้วยการคัดเนื้อระดับพรีเมี่ยมมาให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งเป็นเมนูแบบ A la carte รวมทั้งพิเศษในการปิ้งย่างให้ได้ความหอมของการย่างแบบไร้ควันมาให้กวนใจ ส่วนเมนูแนะนำของร้าน ได้แก่ วากิวริบอาย, วากิวใบบัว, วากิวเสือร้องไห้ และเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเบคอน, ไส้หมู, คอหมู และอาหารซีฟู้ด ทั้งหอยนางรมญี่ปุ่น, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ปลาซันมะ, ปลาฮามาจิ และปลาโทโร่  เป็นต้น

        ราคา : ราคา 500-1,000++ บาท
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.30-22.00 น.
        ที่อยู่ : สาธุประดิษฐ์ 19 หรือนราธิวาสราชนครินทร์ 24 (ชั้น 1 นารา ตรงข้าม Maxvalue) ช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
        โทรศัพท์ : 0 2674 1072
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Mamiya@Nara24 

5. Guru Gyuu Yakiniku



ร้านอาหารปิ้งย่างขั้นเทพเน้นเอาใจคนชอบเนื้อโดยเฉพาะ แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยเมนูอาหารของร้านมีให้เลือกกว่า 19 รายการ มีทั้งเมนูเนื้อ อาหารซีฟู้ด และผัก-เห็ดนานาชนิด รวมทั้งแบ่งน้ำจิ้มออกเป็น 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ด, น้ำจิ้มกิวทาเระ (สูตรเฉพาะของร้าน), น้ำจิ้มโคชุจัง (แบบเกาหลี) และน้ำจิ้ม มิโซะ (แบบญี่ปุ่น) เป็นต้น

        ราคา : ราคาเมนูบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง (กลางวัน) ราคา 299++ บาท มีเฉพาะวันพุธ-วันศุกร์ มาก่อนบ่าย 3 โมงเย็น และตอนเย็นราคา 399-499 บาท
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการวันจันทร์-อังคาร เวลา 16.30-23.30 และวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 11.30-23.30 น. (ระยะเวลาทาน 2 ชั่วโมง)
        ที่อยู่ : สาขา 1 ราชครู พหลโยธิน 5 โทรศัพท์ 0 2619 6939, สาขา 2  ธนาคารออมสิน สะพานควาย โทรศัพท์  0 2279 9086
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Guru Gyuu 


หมายเหตุ : ข้อมูลและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง

               


10 อาหารยอดนิยมของเกาหลี ถ้าไม่กินถือว่าไปไม่ถึง !!!

ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีทัศนียภาพงดงามเป็นอันดับต้นๆในเอเชีย และอาหารที่อร่อยมากๆเลยทีเดียว วันนี้เราก็ได้คัดสรรเมนูอาหารสุดอร่อยแห่งแดนกิมจิมาฝากกัน มีอะไรบ้าง ไปดูกันเล้ยยยยย 


            1. ชึกซอก ต๊อกโบกี



          ชึกซอก ต๊อกโบกี เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลี ด้วยเป็นหม้อกระทะร้อน สามารถรับประทานได้หลายคน มีรสชาติเผ็ด จัดจ้าน บางร้านเราจะสั่งความเผ็ดได้ว่าจะเอาเผ็ดมาก เผ็ดน้อย ในหม้อจะประกอบไปด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นมาม่า ไข่ต้ม ต๊อกโบกี ออมุก ผักนิดหน่อย บางร้านจะมีให้สั่งเสริมใส่ชีส ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความอร่อยให้กับคนที่ชอบทานชีสยิ่งขึ้นไปอีก เวลาทานพนักงานจะยกหม้อมาทั้งหม้อวางบนโต๊ะ ซึ่งมีเตาไฟฟ้าอยู่ด้านล่าง รอจนพนักงานบอกว่าทานได้ จึงเปิดฝาแล้วก็ลิ้มรสกันได้เลย ยิ่งถ้าได้รับประทานในช่วงอากาศหนาวเย็นจะยิ่งฟินสุด ๆ

1                 4.  ข้าวผัดกิมจิโรยหน้าชีส




           เอาใจคนรักชีสสุด ๆ กับเมนูนี้ ซึ่งตัวข้าวจะใช้ข้าวเกาหลีนุ่ม ๆ ผัดกับกิมจิรสเผ็ดนิดหน่อย ผสมสาหร่ายแห้ง ซึ่งจะมีความเค็มเล็กน้อย เชฟจะเอาชีสโรยหน้า แล้วพนักงานจะยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ซึ่งมีเตาไฟฟ้าอยู่ด้านล่าง รอจนชีสละลายแล้วจึงตักกินได้ กลิ่นของชีสจะหอมอบอวล รสชาติหวานมัน ผสมความเผ็ดเค็มจากข้าวผัดได้อย่างลงตัว

3. ไก่ตุ๋นโสม



          เมนูไก่ตุ๋นโสม ถือได้ว่าเป็นอาหารพื้นเมืองเกาหลีที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ซึ่งร้านที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ก็คือร้าน Tosokchon Samgyetang ซึ่งเป็นร้านอาหารเกาหลีเก่าแก่ ตัวร้านเป็นบ้านไม้โบราณ ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Gyeongbokgung Station กรุงโซล เมนูเด็ดของที่นี่คือไก่ตุ๋นโสม ซึ่งตัวน้ำซุปจะหอมกลิ่นโสมอ่อน ๆ เนื้อไก่จะนุ่มหวาน ข้างในตัวไก่จะยัดไส้ด้วยข้าวเกาหลี โสม พุทธา และธัญพืช ยิ่งได้ทานคู่กับกิมจิรสชาติเผ็ดเปรี้ยวจะยิ่งอร่อย หรือหากใครชอบทานไก่ดำที่นี่ก็มีจัดเสิร์ฟเช่นกัน

4.หมูย่างเกาหลี


          ไปถึงเกาหลีถ้าไม่ได้กินหมูย่างเกาหลีนี่ถือว่าพลาดมาก ๆ ค่ะ ซึ่งหมูย่างเกาหลีแบบต้นตำรับจะมีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม ใช้เนื้อหมูคุณภาพดี สด ใหม่ นำมาคลุกเคล้าซอสสูตรพิเศษของแต่ละร้าน แล้วจึงไปย่างบนเตาถ่านร้อน ๆ คราวนี้กลิ่นหอม ๆ ของหมูย่างก็จะลอยฟุ้ง กลืนน้ำลายลงท้องแทบไม่ทัน รอจนกว่าหมูจะสุก แล้วจึงนำมาวางบนผัก ใส่กิมจินิดหนึ่ง น้ำจิ้มเกาหลีเล็กน้อย แล้วม้วน ๆ เอาเข้าปากแบบเต็ม ๆ คำ อืม...มันเป็นความอร่อยที่คุณต้องลองเองกันสักครั้ง !

5.ไก่ทอดเกาหลีกับเครื่องดื่มเย็น ๆ


          ไม่ว่าจะไก่ทอดที่ไหนก็ต้องยอมใจให้ไก่ทอดเกาหลีค่ะ ด้วยมีความกรอบนอกนุ่มใน กัดไปแต่ละคำจะได้ยินเสียงกรอบ ๆ แทบจะทุกอณูของชิ้นไก่ ยิ่งรสชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง อร่อยจนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายได้อีกแล้ว เชฟจะนำไก่ไปหมักในซอสสูตรพิเศษ นำมาชุบแป้งเกาหลี ไข่ หรือเกล็ดขนมปัง ตามแต่สูตรของร้านนั้น ๆ จากนั้นก็นำลงไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ให้เหลืองกรอบ แล้วนำมาราดด้วยซอสแบบต่าง ๆ มีทั้งหวานและเผ็ด แต่ที่เด็ดสุด ๆ ต้องสั่งซอส Honey Garlic หรือซอสเผ็ดแบบเกาหลี กินคู่กับเครื่องดื่มพื้นเมืองของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นเบียร์หรือโซจู ก็อร่อยฟินเว่อร์วังอลังการเช่นกัน

6.บิบิมบับ



          บิบิมบับ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า "ข้าวยำเกาหลี" อาหารพื้นเมืองของคนเกาหลี โดยจะเป็นข้าวเกาหลีร้อน ๆ โรยหน้าด้วยผักต่าง ๆ ซึ่งมีการผัดและปรุงรสมาแล้ว ใครชอบเนื้อก็สามารถใส่เนื้อลงไปด้วยได้ ตักโคชูจัง (น้ำพริกเกาหลี) มาใส่นิดหน่อย หรือใครชอบเผ็ดก็ใส่เพิ่มได้ตามความชอบใจ จากนั้นตอกไข่ดิบ ไข่ดาว หรือไข่ลวกตามลงไป แล้วจึงคลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน (ลองสังเกตว่าคนเกาหลีจะสามารถคลุกทุกอย่างให้เข้ากันได้ดีมากกว่านักท่องเที่ยว ^_^) แต่ต้องระวังไม่ไปจับกับชาม เพราะว่าส่วนใหญ่เมนูนี้จะเสิร์ฟในชามหินร้อน เมื่อคลุกทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ก็ตักเข้าปากได้เลย

7.คิมบับหรือข้าวห่อสาหร่าย



          ในเวลาเร่งด่วนคนเกาหลีก็มักที่จะหาของกินที่ทานง่ายและสะดวก ซึ่งคิมบับก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่เล่น ซึ่งจะมีลักษณะเป็นข้าวห่อสาหร่าย ข้างในจะมีไส้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแตงกวาดอง ผัก ไข่ เนื้อสัตว์ แฮม ฯลฯ ซึ่งโดยส่วนมากจะทำขนาดกะทัดรัด ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วพนักงานจะตัดเป็นชิ้นพอดีคำให้อีกทีหนึ่ง ราคาก็ไม่แพงค่ะ ประมาณชิ้นละ 1,000 วอน เท่านั้นเอง

8.ออมุกหรือโอเด้ง



          คนเกาหลีจะเรียกเจ้าแป้งแผ่นผสมปลานี้ว่า "ออมุก" ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับลูกชิ้นปลา แต่ทำเป็นแผ่นบาง ๆ พับไปพับมาเสียบไม้ แล้วลวกให้สุกในหม้อน้ำซุป เราจะเห็นร้านขายออมุกนี้ทั่วไปในกรุงโซล โดยคนเกาหลีจะทานเจ้าออมุกเป็นอาหารทานเล่น หรือระหว่างมื้อ โดยจะกินกับน้ำซุปร้อน ๆ ยิ่งถ้าในช่วงหน้าหนาว เจ้าออมุกนี้จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษเลยทีเดียว

9.พาจอน




          พาจอน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า พิซซ่าเกาหลี ซึ่งจะนำแป้งมาผสมกับต้นหอม แล้วนำไปทอดบนกระทะแบน ๆ จนสุก แต่ก็จะมีแบบอื่น ๆ ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบแป้งผสมซอสเกาหลีเผ็ด ๆ, ซีฟู้ด, มันฝรั่ง ฯลฯ และยังมีแบบที่นำผักต่าง ๆ มาชุบรวมทอดอีกด้วย โดยคนเกาหลีจะนิยมรับประทานเป็นมื้อหลัก สามารถหากินได้แบบจัดเต็มที่ตลาด Gwangjang กรุงโซล

10.มันดู



          มันดู หรือเกี๊ยวแบบเกาหลี ข้างในจะยัดไส้ด้วยหมูและเครื่องเทศ รวมถึงผักต่าง ๆ ซึ่งจะมีทั้งแบบนึ่งและทอด ใครไม่ชอบน้ำมันก็สั่งแบบนึ่งมากินคู่กับซอสโชยุ แต่ถ้าหากอยากได้ความกรอบนอกนุ่มใน ก็สั่งแบบทอดมากิน ก็จะอร่อยคนละแบบ ส่วนร้านที่เป็นตำนานและโด่งดังสุด ๆ จากเรียลลิตี้โชว์ของเกาหลี ก็คือ ร้านพารือดา คิมซอนแซง ร้านนี้เขาเด็ดจริงทั้งเกี๊ยวและคิมบับ

          นี่เป็นอาหารเกาหลีที่เราต้องไปลิ้มลองกันสักครั้งเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ประเทศนี้ยังมีอาหารอร่อย ๆ อีกเพียบ รอให้คุณได้ไปอิ่มอร่อย 

ย่านร้านอาหารดังที่ถ้าไปเกาหลีต้องไปชิม

วิธีการรับประทานอาหารเกาหลี

วิธีการทำอาหารเกาหลี

ความแตกต่างของวัฒนธรรมเกาหลีและไทย

ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมต่างชาติ

วัฒนธรรมในแต่ละสังคมย่อมมีความแตกต่างกันออกไป ในที่นี้จะนำเสนอความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล
ที่ถาโถมเข้ามายังวัฒนธรรมไทยอย่างมากในปัจจุบัน


วัฒนธรรมด้านอาหาร

อาหารประจำชาติไทย  ประเทศไทยมีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน สำหรับอาหารคาวของไทยนั้น จะมีทุกรส ทั้งเค็ม หวาน
เปรี้ยว และเผ็ด โดยปรุงขึ้นมาในหลายลักษณะดังนี้ แกง ผัด ยำ ทอด เผา หรือย่าง เครื่องจิ้ม และเครื่องเคียง ส่วนอาหารหวานของไทยจะมีทั้งชนิดน้ำและแห้ง
อาหารประจำชาติเกาหลี  จะเน้นเกี่ยวกับผักดองที่มีรสจัด  และอาหารมีมีซอสต่างๆเป็นส่วนผสม
               

วัฒนธรรมด้านที่อยู่อาศัย

- มีความแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทั้งในเรื่องของการใช้วัสดุและรูปทรง เช่น คนไทยนิยมสร้าง
บ้านด้วยไม้ มีใต้ถุนสูง เพื่อให้บ้านโปร่ง สบาย น้ำไม่ท่วม เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมจึงนิยมปลูกบ้านริมแม่น้ำ ออกแบบให้เป็นหลังคาทรงสูง เพื่อให้อากาศถ่ายเทและให้ความร่มเย็นแก่ผู้อยู่อาศัย เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในภูมิประเทศเขตร้อน 
-จะอยู่กันในแบบ อพาร์ทเมนท์ นั่นเอง แต่อพาร์ทเมนท์ในความหมายของคนเกาหลีนั้นไม่ใช่หอพักหรือห้องแถวโดยมากเป็นระดับใกล้เคียงกับคอนโดใหญ่ๆ ประเทศไทย ขนาดเริ่มกันที่ 50-60 ตารางเมตรไปจนถึง 200 กว่าตารางเมตร เพราะพื้นที่เกาหลีค่อนข้างน้อยจึงทำให้ราคาบ้านเป็นจึงมีราคาสูงมากในประเทศเกาหลี

                                     

วัฒนธรรมด้านการแต่งกาย
 - ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศเมืองร้อนจึงทำให้การแต่งกายของคนไทยนั้นไม่ได้เน้นเกี่ยวสภาพอากาศสักเท่าไหร่ เน้นการแต่งกายให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน สวมใส่สบาย
- เนื่องจากประเทศเกาหลีมีหลายฤดูจึงทำให้การแต่งกายแต่ละฤดูจะแตกต่างกันออกไป
การแต่งกายในช่วงฤดูหนาว เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว ควรเตรียมให้พร้อม ทั้งลองจอน  โอเวอร์โค๊ด เสื้อโค้ทขนสัตว์ เสื้อยืดหนักกางเกงที่อบอุ่น ผ้าพันคอ ถุงมือ ที่สวมปิดหูกันหนาวขนสัตว์ รองเท้าที่ทำจากขนสัตว์ เตรียมไว้ให้มากที่สุดไว้ก่อน ช่วงนี้จะมีแฟชั่นตอนรับลมหน้าออกมาทุกปี มีสีสันสดใส หนุ่มสาวเกาหลี จะใส่เดินโชว์กันอย่างสวยงาม
การแต่งกายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ควรสวมเสื้อผ้าสบายๆ มีแจ็คเก็ตทับก็เพียงพอแล้ว เวลากลางวันก็เริ่มยาวนานขึ้น เสื้อผ้าเลือกแบบไม่ต้องหนามาก กางเกงยืน ร้องเท้าหุ้มส้น หรือแต่งตามแฟชั่นแบบสบายๆ เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย เหมาะกับการออกนอกบ้านเที่ยวตามสถานที่เที่ยวต่างๆ
การแต่งกายในช่วงฤดูร้อน ควรเป็นชุดที่สวมใส่สบายๆ กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดแว่นตากันแดดและหมวกตามแฟนชั่นต่างๆ หรืออาจจะมีเสื้อแจ็คเก็ตบางๆสักตัว เผื่อบางช่วงฝนตกแล้วทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมาได้ นักท่องเที่ยวควรจะเช็คพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง เพราะถือได้ว่าเป็นฤดูที่มาฝนตกมากที่สุด
การแต่งกายในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายที่สุดของเกาหลีใต้ควรใส่เสื้อผ้าที่หนาพอควร และมีเสื้อกันหนาวหนาๆสักตัว เนื่องจากที่เกาหลีมีลมแรงกางเกงขายาว รองเท้าหุ้มสน ตามร้านขายเสิ้อผ้าทั่วไปจะเริ่มมีเสื้อผ้าแฟนชั่นต้อนรับลมหนาว
                                                                                                                                                                                              

วัฒนธรรมด้านศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว

 ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เน้นการเรียนและฝึกฝนด้านการต่อสู้และป้องกันตัว ซึ่งมีหลายลักษณะ
ด้วยกันแตกต่างกันไปในแต่ละชาติ

มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติไทยที่คนไทยสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วมวยไทยเป็นศิลปะชั้นสูงของการใช้อวัยวะ 6 ประเภท
ได้แก่ หมัด ศอก แขน เท้า แข้ง และเข่า มาใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัว
-เทควันโด เป็นศิลปะการเคลื่อนไหวที่เน้นการใช้เท้าเตะสูงและรวดเร็ว ในกระบวนท่าร่ายรำของเทควันโดประกอบไปด้วยกาปัด
ปิด ป้องกัน การชก ใช้กำปั้นสันมือ และนิ้วมือ การหัก การเตะ การขยับหมุน เคลื่อนไหวอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การหมุนตัว เหวี่ยงเท้าการเตะ การกระโดด เป็นต้น

                                 
                                                                  

เจาะลึกในเทรนด์อาหารเกาหลี


เจาะลึกในเทรนด์อาหารเกาหลี (Slim up)

          หากถามว่าเสน่ห์แห่งเอเชียที่โลกรับรู้มากที่สุดอย่างหนึ่ง คงต้องยกให้กับสิ่งที่เรียกว่า "อาหารประจำชาติ" ซึ่งสามารถเข้าไปถึงใจของนักชิมทั่วโลก ไล่เรียงตั้งแต่อาหารจีนขึ้นเหลายอดนิยม อาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติจัดจ้านวิจิตรประณีต อาหารแดนภารตะที่โดดเด่นเรื่องเครื่องเทศที่หอมหวน อาหารชาติซามูไรรสชาติกลมกล่อมสุดฮอตฮิต และกระแสล่าสุดที่ร้อนแรงไปทั่วทั้งโลก อย่างอาหารเกาหลีที่มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ จนร้านอาหารเกาหลีผุดไปทั่ว โดยเฉพาะดินแดนสยามบ้านเรา

          เราลองมาทำความรู้จักกับอาหารเกาหลีให้ลึกซึ้งกันดีกว่า

ธรรมชาติของอาหารเกาหลี

          เกาหลีเป็นประเทศที่มีลักษณะการผสมผสานวัฒนธรรมของหลายชาติที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน รวมถึงรากดั้งเดิมของชนชาติเกาหลี ลักษณะของอาหารจึงสร้างสรรค์ให้เหมาะกับสภาพอากาศ และผูกพันกับวัฒนธรรมของผู้คน ซึ่งอาหารที่เรารู้จักกันดีก็คือ เมนูหมูย่างเกาหลี หรือเนื้อย่างที่ให้พลังงานต่อสู้กับอากาศหนาวเย็น และเมนูวัตถุดิบประจำถิ่นอย่างเมนูพืชผักต่าง ๆ เช่น ผักกาดขาว หัวผักกาด ต้นหอม หัวหอม แตงกวา ฯลฯ ที่เรารู้จักกันดีอย่างเหล่ากิมจิ หรือผักดองทั้งหลาย เครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในทุกโต๊ะอาหารของชาวเกาหลี รูปแบบของกรรมวิธีการปรุงอาหารมักไม่ค่อยใช้วิธีการทอด แต่ใช้การปิ้ง ย่าง หมักดอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อาหารชาติเกาหลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

 Bibimbap





          หนึ่งเมนูยอดนิยมของแฟนอาหารเกาหลี ซึ่งรู้จักในชื่อของ "บิบิมบับ" หรือ "ข้าวยำเกาหลี" มีลักษณะการนำส่วนผสมต่าง ๆ อาทิ ผักต่าง ๆ แตงกวา ถั่วงอก ซอสพริกโคชูจัง เนื้อสัตว์ รวมถึงไข่ดิบสำหรับคลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ

           ปริมาณ 1 ถ้วย ให้พลังงาน 430 กิโลแคลอรี

 Beef bulgogi



          เนื้อบุลโกกิ เนื้อหมักซอสแบบพิเศษที่ทำมาจากเนื้อสันนอกชั้นดี หั่นบางหมักซอส และเครื่องเทศแบบเกาหลี วิธีการรับประทานให้ได้บรรยากาศต้นตำรับ ต้องนั่งล้อมวงนำเนื้อมาย่างที่เตา เมื่อสุกดีแล้วจึงนำมาห่อด้วยผักกาดหอม และกิมจิ รับประทานคล้ายแหนมเนืองบ้านเรา

           ปริมาณ 112 กรัม ให้พลังงาน 290 กิโลแคลอรี

 Samgyetang



          ซัมเกทัง ซุปไก่เกาหลีหรือไก่ตุ๋นโสม อาหารที่ใช้วัตถุดิบเลื่องชื่อของเกาหลีมาปรุง นั่นคือโสม รวมถึงใช้ส่วนผสมที่มีสรรพคุณทางยาอย่าง แปะก๊วย พุทราจีน กระเทียม มายัดไส้ในตัวไก่แล้วตุ๋นจนได้น้ำซุปรสอร่อย

           ปริมาณ 1 ถ้วยใหญ่ (800 กรัม) ให้พลังงาน 1,050 กิโลแคลอรี

 Galbi



          ซี่โครงหมูหรือเนื้อย่างปรุงรส เป็นเมนูยอดนิยมตระกูลย่างของเกาหลี ที่มีความโดดเด่นที่การหมักซอสปรุงรส ซึ่งรับประทานคู่กับเครื่องเคียงอย่างผักย่างกิมจิ และน้ำจิ้ม

           ปริมาณ 6 ออนซ์ ให้พลังงาน 375 กิโลแคลอรี

 Haemultang



          ซีฟู้ดหม้อไฟ หรืออาจเรียกได้ว่าต้มยำทะเลแบบเกาหลี แต่ใช้วัตถุดิบพืชผักแบบเกาหลี นั่นคือ ผักกาดขาว หัวไชเท้า กะหล่ำปลี เห็ดเข็มทอง สาหร่าย และวัตถุดิบสำคัญที่สุดก็คือ กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก และกิมจิ รวมอยู่ในหม้อไฟ ทานอุ่น ๆ สู้อากาศหนาวได้อย่างดี

           ปริมาณ 1 ถ้วยใหญ่ ให้พลังงาน 410 กิโลแคลอรี

 Dduk Bok-Ki



          ต๊อกป๊อกกี หรือต๊อกโปกี เป็นอีกเมนูยอดนิยมที่ทำจากแป้งชนิดหนึ่ง มีลักษณะเหนียว เรียกกันว่าแป้งต๊อก นำมาผัดกับซอสแดงและไข่ต้ม

           ปริมาณ 4 ถ้วย ให้พลังงาน 995 กิโลแคลอรี

 Pajeon



          พาจอน มีลักษณะเป็นแพนเค้กหรือพิซซ่าเกาหลีที่หน้าตาคล้าย ๆ หอยทอดบ้านเรา แต่มีส่วนผสมของแป้ง ต้นหอม แครอท ปลาหมึก กุ้ง หอย ฯลฯ

           ปริมาณ 1 ชิ้นขนาดกลาง ให้พลังงาน 364 กิโลแคลอรี


Kimchi is all around


          กิมจิเป็นอาหารเลื่องชื่อของคนเกาหลีที่เป็นได้ทั้งอาหาร เครื่องเคียง เครื่องปรุง กับแกล้ม ซึ่งเกิดจากวิธีการถนอมอาหารที่สำคัญของคนเกาหลี โดยใช้ผักนานาชนิดไม่ว่าผักกาด หัวไชเท้า แตงกวา เป็นต้น ซึ่งนับจากสมัยโบราณ กิมจิก็มีการทำและพัฒนาเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน กิมจิก็ไม่เคยขาดไปจากทุกมื้อของคนเกาหลีเลย

 Baechu Kimchi




          กิมจิผักกาดขาว เป็นกิมจิชนิดที่เรารู้จักกันดีและโลกมักคุ้นกับภาพนี้มากที่สุด และว่ากันว่าเป็นกิมจิที่รสชาติดีที่สุด และนิยมมากที่สุดทั้งในการเป็นเครื่องเคียงและเป็นเครื่องปรุงอาหาร

           ปริมาณ 60 กรัม ให้พลังงาน 11 กิโลแคลอรี

 Kkadugi Kimchi



          กิมจิหัวไชเท้า มีเอกลักษณ์ที่รสหวาน เผ็ดน้อย เนื้อกรอบ มักนำมาเป็นเครื่องเคียงในโต๊ะอาหาร

           ปริมาณ 1 ถ้วยตวง ให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี

 Nabak Kimchi



          กิมจิที่ทำจากหัวไช้เท้าจีนกับผักกาดขาว รสชาติไม่เผ็ดนัก

           ปริมาณ 4.5 ออนซ์ ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี

 OI Sobaki



          กิมจิแตงกวารสชาติอร่อยและกรอบชุ่มน้ำ

           ปริมาณ 2 ออนซ์ ให้พลังงาน 12 กิโลแคลอรี


          ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างอาหารแดนกิมจิ หากคุณได้ลองหาข้อมูลอาหารบ้างก่อนที่จะรับประทาน อาจเป็นการเพิ่มสีสันให้กับการรับประทาน และยังเพิ่มพูนความรู้เพื่อการดูแลสุขภาพและดูแลรูปร่างอีกด้วย